🚀 ChatGPT-5 เปิดตัว : เสียงฮือฮาทั่วโลก และเรื่องเล่าที่มากกว่าแค่ “เวอร์ชันใหม่”
- Dr.Eng.Siripong Jungthawan
- 6 days ago
- 1 min read
ความแรงทางเทคนิค ยกระดับสมอง AI แต่คนยังถามว่า “แล้วไงต่อ?”
เมื่อ OpenAI เปิดตัว ChatGPT-5 ช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2568 ภาพที่ออกมาและฮือฮาตามๆ กันคือ AI ที่โคตรจะเก่งขึ้นแบบก้าวกระโดด ในเชิงวิชาการ สามารถหาเหตุผล (Reasoning) ที่ซับซ้อน ทำงานหลายขั้นตอน (Multi-step tool use) ไม่ต้องพิมพ์ถามมาตอบไป ถามทีเดียวรันยาวๆ ไปเลย มันสามารถรองรับบริบทยาวๆ ได้ถึง 40,000 กว่า tokens เหมือนมี “ศาสตราจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ” อยู่ในมือถือ แต่ปัญหาคือ… สำหรับคนทั่วไปที่ไม่ได้ทำวิจัยหรือเขียนโค้ดล้ำๆ พลังเหล่านี้อาจดูไกลตัวไปหน่อย ความรู้สึกจึงเป็น "เจ๋งนะ…แต่ใช้ยังไงให้ชีวิตประจำวัน หรืองานที่ทำมันง่ายขึ้นนะ" #ChatGPT5 #OpenAI #AIUpdate

เสียงสะท้อนจากชุมชน — บางคนรัก บางคนบ่น
บน Reddit มีทั้งโพสต์ชื่นชมว่า GPT-5 มีความรู้แม่นยำขึ้น และก็มีเสียงบ่นแรงๆ ว่า “รู้สึกห่วยกว่าของเดิม” โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับ GPT-4o ที่หลายคนคุ้นชิน จากผลของ Medium บางเจ้าก็ชี้การเปรียบเทียบ (Benchmark) อย่าง SimpleBench ยังอยู่ที่ 56.7% ซึ่งไม่ถึงกับ “ว้าว” ในมุมสายเทคนิค ส่วนผู้ใช้ทั่วไปใน TechRadar ก็โวยว่าข้อจำกัด 200 ข้อความต่อสัปดาห์ ทำให้เสียความสนุกไปเยอะ
ความคาดหวังสูง + การใช้งานจริงไม่ตรงใจ = เสียงแตกแบบครึ่งต่อครึ่ง
การปรับเกมของ OpenAI — เดินหน้า ถอยหลัง สลับโหมด
Sam Altman ออกมาพูดชัดว่าการเปิดตัวครั้งนี้ “ไม่ลื่นไหล” พร้อมยอมรับว่ากราฟบางภาพที่โชว์ในงานเป็น “Chart crime” (Chart crime เป็นคำเรียกเล่นๆ เวลามีการทำกราฟหรือแผนภูมิที่ “ทำให้เข้าใจผิด” หรือ “ชวนให้ตีความเกินจริง” ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม) จนคนแซวกันสนั่น หลังเสียงบ่นถาโถม OpenAI เลยปล่อย GPT-4o ให้ Plus Users กลับมาใช้ พร้อมเปิดโหมดเลือกได้ว่าจะเอา “Auto - เลือกให้อัตโนมัติ”, “Fast - รวดเร็ว ตอบไว” หรือ “Thinking - คิดได้ดีกว่า มีเหตุผล” ให้เหมาะกับแต่ละงานแทน เหมือนร้านอาหารที่ให้ลูกค้าเลือกความเผ็ดเอง ปรับตามใจลูกค้าเพื่อลดดราม่า
เรื่องของ “หัวใจ” AI ที่เก่งแต่ขาดอารมณ์
นักวิจัย MIT ถึงขั้นออกไอเดียทำมาตรวัด “Emotional Intelligence : EI” สำหรับ AI เพราะผู้ใช้หลายคนรู้สึก GPT-5 ดูเย็นชา และไม่อบอุ่นเหมือน GPT-4o แม้จะมีระบบความปลอดภัยใหม่ (Safe completions) ที่ดีกว่า แต่ก็ยังมีช่องโหว่หลุดพ้นได้ง่าย ความท้าทายของ OpenAI ตอนนี้ไม่ใช่แค่ทำให้ฉลาดขึ้น แต่ต้องทำให้ "น่าคุย" และ "มีความเป็นมนุษย์" Soft Side มากขึ้นด้วย
GPT-5 คือก้าวต่อไปของ AI ที่ยิ่งใหญ่ในแง่เทคโนโลยี แต่ความสำเร็จในเชิง “ประสบการณ์ผู้ใช้” ยังต้องลุ้นต่อ OpenAI ต้องหาสมดุลระหว่างการเป็นเครื่องมือวิชาการระดับสูงกับการเป็นเพื่อนคู่คิดในชีวิตประจำวัน การเปิดตัวนี้อาจไม่สมบูรณ์แบบ แต่ก็เป็นบทเรียนครั้งใหญ่ที่ชี้ว่า AI ไม่ได้วัดกันแค่ “เก่ง” แต่ต้อง “เข้าถึงใจคน” ให้ได้ด้วย... จะเห็นว่าช่วง 2-3 ปี นี้ AI ก้าวกระโดดมากๆ และฝ่ายบุคคลของหลายองค์กรยักษ์ใหญ่บอกว่า เกณฑ์การรับสมัครพนักงานในองค์กรจะต้องมีทักษะ AI (AI Skill) ด้วย