การใช้ AI เพื่อความเป็นเลิศในธุรกิจ : ขั้นตอนและแนวทางการทำงานสำหรับผู้ประกอบการ (AI for Business Excellence)
- Dr.Eng.Siripong Jungthawan
- Jul 21
- 2 min read
การนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ในธุรกิจไม่ใช่แค่เทรน แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยยกระดับประสิทธิภาพ ความสามารถในการแข่งขัน และการเติบโตอย่างยั่งยืนขององค์กร ในบทความนี้จะนำเสนอขั้นตอนที่ชัดเจน และแนวทางการทำงานที่ผู้ประกอบการสามารถนำไปปรับใช้ เพื่อใช้ AI สร้างความเป็นเลิศในธุรกิจ (Business Excellence) โดยอธิบายอย่างเข้าใจง่ายและเหมาะสมกับบริบทของผู้ประกอบการไทย
ทำความเข้าใจ AI และความเป็นเลิศในธุรกิจ
AI (Artificial Intelligence) หรือปัญญาประดิษฐ์ เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้เครื่องจักรสามารถเรียนรู้ วิเคราะห์ และตัดสินใจได้คล้ายมนุษย์ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล การทำนายแนวโน้ม หรือการทำงานอัตโนมัติ ความเป็นเลิศในธุรกิจ (Business Excellence) การที่องค์กรสามารถบริหารจัดการทรัพยากร กระบวนการ และนวัตกรรม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมทั้งในด้านผลกำไร ความพึงพอใจของลูกค้า และความยั่งยืน ร่วมถึงถึงผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับผู้ถือหุ้น
การใช้ AI เพื่อความเป็นเลิศในธุรกิจช่วยให้ผู้ประกอบการลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าได้อย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อน ต่อไปนี้คือขั้นตอนที่สำคัญในการนำ AI ไปใช้ในธุรกิจ

ขั้นตอนการใช้ AI เพื่อความเป็นเลิศในธุรกิจ
1. ระบุเป้าหมายและปัญหาทางธุรกิจ
การเริ่มต้นใช้ AI ต้องเริ่มจากการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน เช่น
ต้องการลดต้นทุนในกระบวนการผลิต
ต้องการเพิ่มยอดขายผ่านการแนะนำสินค้าที่ตรงใจลูกค้า
ต้องการปรับปรุงการบริการลูกค้าให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
ต้องการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อคาดการณ์ยอดขายในอนาคต
ตัวอย่าง ร้านค้าปลีกอาจพบว่ายอดขายลดลง เพราะลูกค้าไม่ได้รับคำแนะนำสินค้าที่เหมาะสม เลยอยากริเริ่มนำ AI สามารถช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าและแนะนำสินค้าที่ตรงกับความต้องการ
แนวทาง จัดทำรายการปัญหาหรือโอกาสที่ต้องการแก้ไข และจัดลำดับความสำคัญตามผลกระทบต่อธุรกิจ A B C และ D
2. รวบรวมและจัดการข้อมูลที่มีคุณภาพ
AI ทำงานได้ดี เมื่อมีข้อมูลที่มีคุณภาพและเพียงพอ เพื่อเอาข้อมูลไปสอน AI เพราะข้อมูลคือ “เชื้อเพลิง” ของ AI ดังนั้นต้อง
รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เช่น ข้อมูลการซื้อของลูกค้า ข้อมูลการผลิต หรือข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภค
ตรวจสอบความถูกต้องและความสมบูรณ์ของข้อมูล
จัดเก็บข้อมูลในระบบที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย เช่น คลาวด์หรือฐานข้อมูลดิจิทัล ได้แก่ Google drive, MS one drive, Dropbox เป็นต้น
ตัวอย่าง ธุรกิจร้านอาหารอาจรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเมนูที่ลูกค้าสั่งบ่อย ช่วงเวลาที่ลูกค้าเข้ามาใช้บริการ หรือความคิดเห็นจากรีวิว เพื่อนำไปวิเคราะห์และปรับปรุงการให้บริการ ลูกค้าชอบสั่ง ข้าวราดหมูกะเพราะ ไข่ดาว ตอนเที่ยง ทางร้านจะได้เตรียมวัตถุดิบ และทอดไข่ดาว รอไว้ก่อนได้ ตอนเที่ยงจะได้ขายได้ทันที เป็นต้น
แนวทาง ลงทุนในระบบจัดการข้อมูล เช่น ระบบจัดการลูกค้าสัมพันธ์ CRM (Customer Relationship Management) หรือระบบวางแผนวิสาหกิจ ERP (Enterprise Resource Planning) เพื่อเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ และนำมาวิเคราะห์ต่อยอดได้
3. เลือกเครื่องมือ AI ที่เหมาะสม
มีเครื่องมือ AI หลากหลายประเภทที่เหมาะกับความต้องการที่แตกต่างกัน เช่น
ML (Machine Learning) ใช้ในการทำนายแนวโน้ม เช่น การคาดการณ์ยอดขาย
NLP (Natural Language Processing) ใช้ในการวิเคราะห์ข้อความ เช่น การพัฒนาแชทบอทสำหรับบริการลูกค้า การขายสินค้าที่เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละราย
Computer Vision ใช้ในการตรวจจับภาพ เช่น การตรวจสอบคุณภาพสินค้าในโรงงาน ตรวจจับสิ่งผิดปกติ
Automation Tools ใช้ในการทำงานซ้ำๆ เช่น การจัดการอีเมล การจัดตารางงาน วางแผนงานต่างๆ
ตัวอย่าง โรงงานผลิตอาจใช้ AI ตรวจจับข้อบกพร่องของสินค้าผ่านภาพถ่าย ซึ่งช่วยลดเวลาและต้นทุนในการตรวจสอบด้วยมนุษย์ ทำให้เเก้ไขสินค้าได้ก่อนเจอปัญหาบานปลาย ป้องกันไม่ให้ลูกค้าตีคืน เคลมสินค้าตามมา
แนวทาง ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้าน AI หรือเลือกแพลตฟอร์ม AI ที่ใช้งานง่าย เช่น Google Cloud AI, Microsoft Azure AI หรือแพลตฟอร์มที่ให้บริการในประเทศไทย

4. ทดลองและปรับใช้ AI ในระดับเล็กก่อน
การนำ AI ไปใช้ไม่ควรเริ่มในวงกว้างทันที (อาจมีความเสี่ยง) ควรเริ่มจากโครงการนำร่อง (Pilot Project) เพื่อทดสอบประสิทธิภาพ เช่น
ใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าในสาขาเดียว
ทดลองใช้แชทบอทในช่องทางการสื่อสารเดียว เช่น LINE OA, Social Medai ช่องทางต่างๆ
ตัวอย่าง ร้านค้าออนไลน์อาจทดลองใช้ AI เพื่อแนะนำสินค้าในหน้าเว็บไซต์เฉพาะกลุ่มลูกค้า ก่อนขยายไปยังทุกกลุ่ม
แนวทาง ตั้งเป้าหมายที่วัดผลได้ เช่น ลดเวลาในการตอบลูกค้าลง 50% (หรือกี่นาที) เพิ่มยอดขาย 10% และติดตามผลลัพธ์อย่างใกล้ชิดภายในระยะเวลา 2-3 เดือน
5. ฝึกอบรมทีมงานและปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กร
การใช้ AI ให้ประสบความสำเร็จ ต้องอาศัยความร่วมมือจากทีมงาน ดังนั้นต้อง
ฝึกอบรมพนักงานให้เข้าใจการใช้เครื่องมือ AI
เปิดระบบบัญชี และจ่ายค่าบริการรายเดือนให้พนักงาน (อาจจะใช้บัญชีแบบบริษัทที่ผูกหลายๆ ผู้ใช้งานได้)
สร้างวัฒนธรรมที่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงและนวัตกรรม
สื่อสารให้ทีมงานเห็นประโยชน์ของ AI เช่น การลดงานที่ซ้ำซ้อนหรือการช่วยตัดสินใจ
ตัวอย่าง ทีมการตลาดอาจได้รับการฝึกอบรมให้ใช้เครื่องมือ AI ในการวิเคราะห์แคมเปญโฆษณา เพื่อปรับกลยุทธ์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
แนวทาง จัดเวิร์กช็อป หรือคอร์สฝึกการใช้สั้นๆ เพื่อให้พนักงานเข้าใจและมั่นใจในการใช้ AI และสามารถเอาไปใช้ประยุกต์กับงานของตนเองได้
6. วัดผลและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
AI ไม่ใช่โซลูชันที่ตั้งค่าแล้วจบ ต้องมีการวัดผลและปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอ
ติดตามตัวชี้วัด (KPIs) เช่น อัตราการตอบสนองของลูกค้า เปอร์เซ็นการลดต้นทุน ความสามารถในการปิดการขาย
วิเคราะห์ผลลัพธ์ เพื่อหาจุดที่ต้องปรับปรุง และหาวิธีการที่ดีกว่ามาใช้อยู่เสมอ
อัปเดตโมเดล AI ด้วยข้อมูลใหม่เพื่อให้แม่นยำมากขึ้น
ตัวอย่าง หากใช้ AI ในการคาดการณ์ยอดขาย ควรตรวจสอบว่าโมเดลทำนายได้แม่นยำแค่ไหน (ตรวจสอบ ค่าความผิดพลาด, Bias, MAD, MSE, MAPE เป็นต้น) และปรับปรุงด้วยข้อมูลยอดขายล่าสุด
แนวทาง ตั้งทีมหรือมอบหมายผู้รับผิดชอบในการดูแลและพัฒนาการใช้งาน AI ในระยะยาว
การนำ AI มาใช้เพื่อสร้างความเป็นเลิศในธุรกิจไม่ใช่เรื่องซับซ้อนหากผู้ประกอบการเริ่มจากเป้าหมายที่ชัดเจน จัดการข้อมูลอย่างเป็นระบบ และเลือกเครื่องมือที่เหมาะสม การทดลองในระดับเล็ก ฝึกอบรมทีมงาน และการวัดผลอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้ธุรกิจสามารถใช้ประโยชน์จาก AI ได้อย่างเต็มที่ ผู้ประกอบการไทยสามารถเริ่มต้นได้ทันทีด้วยเครื่องมือที่เข้าถึงง่าย และค่อยๆ พัฒนาไปสู่การเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม
สนใจใช้บริการฝึกอบรม และให้คำปรึกษาด้าน AI for Business Excellence สามารถทักหาเราได้ที่
LEANxACADEMY https://www.facebook.com/LEANxACADEMY
ทำน้อยได้มาก https://www.facebook.com/doingless